การใส่เสียง PowerPoint เพื่อการนำเสนอแบบอัตโนมัติ

การใส่เสียง เป็นอีกเสน่ห์ที่สำคัญของการนำเสนอ รูปแบบการใส่ไฟล์เสียง มี อยู่ 2 ลักษณะ 
1. ใส่เสียงประจำเฉพาะในเฟรมสไลด์เดียว
2.ใส่ไฟล์เสียงคลุมยาวตลอดการแสดงสไลด์หรือที่เรียกว่าให้สไลด์แสดงโดยอัตโนมัติ

ในบทความนี้จะได้พูดถึงการใส่ไฟล์เสียงสำหรับการทำสไลด์ประกอบเสียง แบบแสดงเองอัตโนมัติ  หรือให้เล่นทุกสไลด์ หรือหลายสไลด์ ตามที่กำหนด ซึ่งผู้สร้างต้องดำเนินการให้มีความสมบูรณ์ในขั้นตอนต่างๆ ก่อนดังรายการต่อไปนี้ 
1.เตรียมข้อมูลในสไลด์ให้เสร็จก่อน 
2.ทำการคำนวณและจดเวลาทั้งหมดในการแสดง
3.ทำการบันทึกไฟล์เสียง(บรรยาย)สำหรับใช้ประกอบการนำเสนอ
4.ทำการกำหนดเวลาให้กับแผ่นสไลด์ทุกๆแผ่นก่อน
5.ดำเนินการตามขั้นตอน  โดยแบ่งการดำเนินการ 2 ส่วน คือ

1.นำไฟล์เสียงใส่ลงไปในสไลด์เริ่มต้น

มีวิธีการเหมือนการใส่เสียงลงไปในเฟรมสไลด์ สำหรับใช้แสดงเสียงในแต่ละสไลด์ โดยมีขั้นตอนที่ขอเริ่มต้น มีดังต่อไปนี้ 

1. ไปที่เมนู Insert เลือกรายการ Movies and Sounds เลือกรายการ Sound form File ตามลำดับ

2. จะเกิดหน้าต่างชื่อ Insert Sound
3.ให้ท่าน Browse เลือกหาไฟล์เสียงที่ท่านเตรียมไว้ คลิกปุ่ม OK ตามลำดับ

 

4. จะเกิดกรอบหน้าต่างเล็กๆ เพื่อให้ท่านกำหนดเงื่อนไข โดยมี 2 ตัวเลือกคือ

Automatically : เป็นเงื่อนไขให้เล่นเพลงทันที ที่สไลด์แผ่นนี้แสดง
When Clicked : เป็นเงื่อนไขให้เล่นเพลงเมื่อทำการคลิกที่ปุ่ม icon ลำโพง

5. เมื่อกำหนดเรียบร้อยก็จะมี icon เล็กๆ ปรากฏขึ้นกลางจอภาพ ท่านสามารถ ลากวาง icon เสียงไปวางตรงตำแหน่งที่ต้องการได้ 

6. มาถึงตรงนี้ ท่านสามารถเพิ่มเติมเงื่อนไขของไฟล์เสียงที่ท่านนำมาวาง อาทิ การกำหนดให้เล่นไฟล์ เสียงวนซ้ำ ไม่รู้จบ หรือการตั้งค่าความดังของเสียง

โดยมีวิธีการเพิ่มเติมดังนี้
(1) คลิกเมาล์ปุ่มขวาที่รูป icon ลำโพงนี้ จะเกิดกรอบรายการ เลือกรายการ Edit Sound Object 

(2) จะเกิดส่วนกำหนดเงื่อนไขที่เรียกว่า Sound Option

ซึ่งจะมีส่วนให้ท่านปรับแต่งเพิ่มเติม 2 ส่วน คือ
Play Options 
ถ้าท่าน คลิกถูกลงใน ช่อง check box ของคำว่า Loop until stopped เป็นการกำหนดให้เล่นวนต่อเนื่อง จนเปลี่ยนสไลด์หรือกำหนดคำสั่งให้เป็นอื่น 
Sound volume ซึ่งตรงจุดนี้ ท่านสามารถกำหนดความดังของเสียงตามที่ต้องการได้
Display options 
ถ้าคลิกถูกลงใน ช่อง check box ของคำว่า Hide sound icon durring slide show เป็นการกำหนดให้ icon รูปลำโพงหายไป ขณะเสียงกำลังเล่นอยู่
 
นอกจากนี้ ในการใช้ไฟล์เสียงขนาดใหญ่ จำเป็นต้องปรับค่า cache ของ PowerPoint เพื่อให้สามารถแสดงไฟล์เสียงอย่างราบเรียบ การตั้งค่าตรงนี้ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 

 

(1) ไปที่เมนู Tools เลือก Options (ดังภาพบน) ตามลำดับ

(2) จะเกิด dialog box Options ขึ้นให้ไปที่ Tab ชื่อ General 
ตั้งค่า Link sounds with file size greater than กำหนดค่าลงไป 6000 kb (3) คลิกปุ่ม OK ตามลำดับ
 

 

 
 2. กำหนดให้สไลด์ เล่นไฟล์เสียงอย่างต่อเนื่อง
  มีวิธีการปรับแต่ง เพิ่มเติมดังต่อไปนี้
 

1. คลิกขวาที่ icon เสียงรูปลำโพง จะเกิดแถบรายการ เลือก Custom Animation (ดังภาพซ้ายมือ)

2. เมื่อคลิกที่ด้านขวาสุดของหน้าต่างทำงาน จะมีส่วนจัดการที่เรียกว่า Custom Animation ปรากฏขึ้น

3. คลิกที่ปุ่ม สามเหลี่ยมของไฟล์ จะมีรายการสำหรับกำหนดลักษณะพิเศษ ของไฟล์เสียงนี้ เลื่อนลงมา ให้คลิกเลือก Effect Options ตามลำดับ

4. จะเกิดหน้าต่าง Play Sound เป็นส่วนสำหรับการกำหนดเงื่อนไข ไฟล์เสียง มีอยู่ 3 Tab ซึ่ง Tab Effect เป็นส่วนสำคัญในการปรับแต่ง มีรายละเอียด ดังนี้
4.1 Start Playing เป็นส่วนกำหนดให้ไฟล์เสียงเริ่มเล่นในลักษณะใด
From beginning กำหนดแสดงเสียงพร้อมกับสไลด์ เมื่อแสดงขึ้น
Form last position กำหนดให้ แสดงต่อจากการแสดงผลของสไลด์แผ่นนี้เสร็จ
Form time เป็นส่วนกำหนดเวลา หน่วยเป็น วินาที
4.2 Stop Playing เป็นส่วนกำหนดให้ไฟล์เสียงหยุด มีเงื่อนไข 3 เงื่อนไข
On click หยุดเล่นเมื่อทำการคลิก เมาส์
After current slide เมื่อจบการแสดงสไลด์แผ่นนี้
After : เล่นจบที่สไลด์หมายเลขใด ตัวอย่างเช่น เสร็จสิ้นที่แผ่นที่ 15 
4.3 Enhancements เป็นส่วนกำหนดเสริมเพิ่มเติม ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้งานในหน้าที่ตรงนี้

5. กำหนดเรียบร้อยคลิกปุ่ม OK
    การแสดง PowerPoint มัลติมีเดีย จะไม่สมบูรณ์ ซึ่งท่านต้องกำหนดเวลาในแผ่นสไลด์ทุกแผ่นก่อน
เพื่อให้ การนำเสนอ สามารถแสดงผลได้เองตามเวลาที่กำหนด ก่อน เวลารวมของการแสดงผลของสไลด์ ต้องเท่ากับ เวลาของเสียงที่ทำการบันทึกจัดเตรียมไว้ เท่านี้ งานนำเสนอท่านก็พร้อมที่จะแสดงผลได้เองตามไฟล์เสียงที่ได้สร้างไว้

 

หลักการออกแบบและการใช้ Powerpoint

สามารถแยกออกได้เป็น 2 ประเด็น คือ “ด้านการออกแบบ” กับ “ด้านเทคนิค” 

ด้านการออกแบบ

ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบคือ การเลือกใช้คู่สีที่ไม่เหมาะสมระหว่างตัวอักษรกับพื้นหลัง 
ทำให้คนดูมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แนวทางที่เหมาะสมในการออกแบบคือ

1. ควรใช้พื้นหลังเป็นสีเข้มมากกว่าสีอ่อน 
เนื่องจากสีเข้มจะช่วยลดแสงสว่างจากจอฉาย 
ทำให้รู้สึกสบายตามากกว่าการใช้สีอ่อนเป็นพื้นหลัง 
ช่วยลดความล้าของสายตาหากต้องเพ่งมองนานๆ 
แต่อย่างไรก็ตามการบรรยายทั่วไปที่ไม่ได้เปิดให้ผู้ชมจ้องนานๆ 
ก็สามารถเลือกใช้พื้นหลังสีอ่อนได้

2. นอกจากนี้ในการเลือกสีพื้นหลัง ต้องพิจารณาขนาดของห้องบรรยาย 
หากเป็นห้องขนาดเล็กไม่เกิน 20 ฟุต จากผู้พูดถึงผู้ฟังคนหลังสุด 
สามารถใช้ได้ทั้งพื้นหลังสีเข้มหรือสีอ่อน 
แต่ถ้าเป็นห้องที่ระยะไกลกว่า 20 ฟุต ไม่ควรใช้พื้นหลังสีเข้ม 
เพราะจะทำให้คนที่อยู่หลังๆ อ่านยาก 
ทางที่ดีควรใช้พื้นหลังสีอ่อน หรือหากจำเป็นต้องใช้พื้นสีเข้มเพื่อให้เข้ากับเรื่องที่บรรยาย 
ก็ควรเพิ่มขนาดตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้นกว่าปกติ

3. หากใช้ภาพถ่ายหรือกราฟิกเป็นพื้นหลัง ควรระวังเรื่องการทำให้อ่านตัวอักษรยาก
เพราะภาพส่วนใหญ่จะมีลวดลาย 
ฉะนั้นควรทำการลดหรือเพิ่มความเข้มของภาพเพื่อให้ตัวอักษรมองเห็นได้ชัดขึ้น 
ไม่จมไปกับพื้นหลัง หรือใช้การสร้างกรอบสีเหลี่ยมวางไว้หลังข้อความเพื่อช่วยให้อ่านข้อความได้ ชัดขึ้น

4. การเลือกใช้คู่สีที่เหมาะสมระหว่างตัวอักษรกับพื้นหลัง 
ตามหลักสากลก็คือ พื้นสีเข้มตัวอักษรสีอ่อน 
หรือพื้นสีอ่อนตัวอักษรเข้ม 
เช่น อักษรขาวหรือเหลืองบนพื้นน้ำเงินหรือพื้นดำ อักษรดำบนพื้นเหลืองหรือพื้นขาว เป็นต้น

5. หลีกเลี่ยงการจับคู่สีข้อความกับพื้นหลังที่ตัดกันหรือกลืนกันจนมากเกิน ไป 
เช่น แดงกับเขียว น้ำเงินกับแดง น้ำเงินกับเขียว 
เพราะจะทำให้อ่านยากและปวดสายตา 
(อาจยกเว้นได้ในกรณีที่ต้องการเน้นบางคำ เช่น หัวข้อ หรือ คำสำคัญ)

6. การใช้สีตัวอักษรที่แตกต่างไปจากข้อความอื่นๆ จะเป็นการเน้นให้ผู้เรียนสนใจบริเวณนั้นมากขึ้น 
แต่ไม่ควรใช้สีมากเกินกว่า 3 สี รวมสีพื้นหลังด้วย 
อย่างไรก็ตามต้องระวังให้สีทั้งหมดไปด้วยกันได้ดี โดยไม่ขัดแย้งกัน

7.นำเสนอเฉพาะหัวข้อ หัวเรื่องที่น่าสนใจ อย่านำเนื้อเรื่องทั้งหมดไปเขียน
เพราะจะดูยืดยาว รก และจะทำให้ผู้ฟังลดความสนใจของการฟัง 
ควรปล่อยให้มีเฉพาะหัวข้อ คำขยายสั้นๆ เพื่อให้ผู้ฟังมีสมาธิสนใจติดตามการอธิบายจากผู้นำเสนอมากกว่า

ด้านเทคนิค

1. เปิดไฟล์ไม่ได้ มักเกิดกับการใช้เครื่องของผู้อื่นในการนำเสนอ 
สาเหตุอาจจะเป็นเพราะ save มาไม่สมบูรณ์ หรือใช้โปรแกรมคนละ Version กัน 
หากเราใช้ Version สูงๆ เช่น 2007 เราก็ควรจะ save ไฟล์ version 2003 มาด้วย 
และก็ไม่ควร save มาเพียงไฟล์เดียวใน Flash drive อาจสำรองไว้ในแผ่นซีดีด้วย 
หรือส่งเมล์แนบไฟล์ไว้ในอีเมล์ของตัวเอง เผื่อเกิดปัญหากับ Flash drive หรือซีดีที่เตรียมมา

2. Font อ่านไม่ออกหรือเพี้ยน
สาเหตุมาจากการออกแบบในเครื่องหนึ่งแต่ไปใช้งานกับอีกเครื่องหนึ่ง 
ส่วนใหญ่เป็นเพราะ version ที่ต่างกันของโปรแกรม 
รวมทั้งการเลือกใช้ font ที่เครื่องทั่วๆ ไปไม่มี ดังนั้นผู้ที่ใช้ font แปลกๆ เพื่อความสวยงาม 
จึงควรแนบไฟล์ font ที่ใช้มาด้วย เพื่อนำไปลงในเครื่องที่นำเสนอ แต่หากใช้ windows คนละรุ่นกัน 
แม้จะมี font ในเครื่องแล้วก็อาจทำให้ผิดเพี้ยนได้ แก้ไขโดยการ save ไฟล์ powerpoint เป็นไฟล์รูปแบบอื่น เช่น ไฟล์รูปภาพ หรือไฟล์ pdf เผื่อไว้ 
หากใช้ powerpoint เปิดแล้วผิดเพี้ยนไปมาก ก็สามารถใช้โปรแกรมดูภาพ เช่น acdsee หรือโปรแกรม acrobat reader ดูไฟล์ pgf แทนได้ หรือใช้เทคนิคการฝัง font เพื่อเอาไปเปิดที่อื่นแล้วจะได้ไม่เพี้ยน
วิธีการฝัง Font ในเอกสาร
– เปิดไฟล์ Powerpoint
– คลิ๊กที่เมนู เครื่องมือ > คลิ๊กที่ ตัวเลือก… 
            
– คลิ๊กที่แท็บ บันทึก > คลิ๊กเลือก * ฝังแบบอักษรTrue Type > คลิ๊กเลือก * อักขระฝังตัวทั้งหมด
              
– คลิ๊กปุ่ม ตกลง

3. ใช้ effect มาก ทำให้การแสดงผลช้า น่ารำคาญ
สาเหตุจาก Spec ของเครื่องที่ใช้นำเสนอ 
ต่ำกว่าเครื่องที่ใช้สร้าง การแสดงผล (effect) หรือเสียงที่ใส่ลงไปมาก 
กว่าจะเล่น effect ครบแต่ละหน้าก็ต้องใช้เวลานานขึ้น ทางที่ดีไม่ควรใช้ effect มากเกินไป 
และควรใช้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากนั้นการเชื่อมโยง (Link) ที่ใส่เข้าไปก็ทำให้การนำเสนอสับสนวุ่นวายเพราะต้องเสียเวลาเชื่อมโยงกลับไป 
บทเรียนสำคัญคือ powerpoint ที่มีประสิทธิภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้ความสามารถทางด้านเทคนิคของโปรแกรมให้มากที่สุด แต่ขึ้นอยู่กับการใช้เทคนิคอย่างไรจึงจะเหมาะสมหรือพอเพียง 
อย่าให้เทคนิคของ powerpoint เข้ามาแย่งความสนใจเพราะผู้นำเสนอต้องเป็นศูนย์กลางความสนใจไม่ใช่เทคนิคที่มากจนเกินพอดี

4. การตั้ง screen saver / turn off monitor
บางครั้งเครื่องที่ใช้นำเสนอมีการตั้ง screen saver ไว้ เช่น หากไม่มีการขยับเมาส์ก็ให้เปลี่ยนหน้าจอเป็นภาพที่ตั้งไว้ หรือบางทีสัญญาณก็หายไปเลยเพราะตั้ง turn off monitor ไว้เพื่อประหยัดพลังงาน ฉะนั้นก่อนที่เริ่มการนำเสนอเราควรจะตรวจดูให้ดีก่อนนะครับว่าเครื่องที่ใช้มีการตั้งโหมดนี้ไว้หรือไม่ หรือให้เจ้าหน้าที่ควบคุมให้ช่วยดูให้ก็ได้

5. รายละเอียดหรือภาพที่อยู่ติดขอบเฟรมหายไป
เป็นเพราะการกำหนดขนาดหน้าจอของคอมพิวเตอร์กับเครื่องฉายไม่สัมพันธ์กัน ฉะนั้นก่อนเริ่มนำเสนอจริง เราจึงควรทดลองเปิดดูก่อนทุกหน้าทุกเฟรมของ Powerpoint ว่ามีส่วนที่ขาดหายไปหรือไม่ ถ้าพบว่าขาดหายไปก็ควรให้เจ้าหน้าที่ควบคุมปรับแต่งคอมพิวเตอร์กับเครื่องฉายให้พอดีกัน หรือควรออกแบบโดยเหลือพื้นที่ขอบๆ เฟรมหรือหน้าจอไว้เล็กน้อย

6. บันทึกการกู้คืนอัตโนมัติ
           เพื่อป้องกันเวลาขณะทำงานแล้วเครื่องแฮ้งค์ ทำให้สามารถกู้เอกสารขึ้นมาได้ โดยมีวิธีการบันทึกการกู้คืนอัตโนมัติดังนี้
– เปิดโปรแกรม Powerpoint
– คลิ๊กที่เมนู เครื่องมือ > คลิ๊กที่ ตัวเลือก > คลิ๊กแท็บ บันทึก > เลือก R บันทึกการกู้คืนอัตโนมัติทุกๆ …ระบุเวลาที่จะบันทึกอัตโนมัติ… นาที
– คลิ๊กปุ่ม ตกลง

การสร้างแผนภูมิใน PowerPoint

PowerPoint-093

เข้าเมนู  แทรก>แผนภูมิ

PowerPoint-089

เลือกรูปแบบแผนภูมิตามต้องการ

PowerPoint-090

หลังจากนั้นโปรแกรม Excel จะถูกเปิดขึ้นมาโดยอัตโมัติ ให้กรอกข้อมูลต่างใส่โปรแกรม Excel แล้วข้อมูลต่างใน PowerPoint จะถูกเปลี่ยนให้เอง เพราะ 2 โปรแกรมนี้เชื่อมต่อกันอยู่

กรอกข้อมูลเสร็จแล้วปิดโปรแกรม Excel ไปได้เลย

PowerPoint-094

ถ้าจะกลับไปแก้ไขข้อมูล เข้าเมนู ออกแบบ>แก้ไขข้อมูล

PowerPoint-091

นอกจากนั้นยังสามารถเปลี่ยนสี แก้ไขเค้าโครง และตกแต่งแผนภูมิให้สวยงามได้ โดยเข้าเมนูรูปแบบ

ตัวอย่างแผนภูมิที่ทำเสร็จแล้ว

PowerPoint-092

แปลงสไลด์ POWERPOINT เป็นรูปภาพ

แก้ปัญหาการนำเสนอ PowerPoint บนเว็บ

         หลังจากที่มีการสร้างงานพรีเซ็นเทชั่นด้วย PowerPoint 2007 แล้ว การนำไปนำเสนอ อาจติดข้อจำกัดบางอย่างโดยเฉพาะการนำเสนอผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งไม่สามารถนำเสนอแบบเต็มรูปแบบได้ (PowerPoint 2010 ทำได้) ดังนั้น เราจำเป็นต้องมีการแปลงไฟล์งานพรีเซ็นเทชั่น ให้อยู่ในรูปของรูปภาพแทน

วิธีแปลงไฟล์ PowerPoint เป็นรูปภาพ

Save as to Photos PowerPoint 2007

  1. เปิดโปรแกรม PowerPoint 2007
  2. คลิกเปิดไฟล์งานพรีเซ็นเทชั่น ที่ทำสำเร็จแล้ว
  3. คลิกปุ่ม Office Button
  4. คลิกปุ่ม Save as
  5. คลิกเลือก Other Formats
  6. ในช่อง Save as type ให้เลือกประเภทไฟล์รูปภาพที่ต้องการ เช่น JPEG File Interchange Format (*.jpg) ซึ่งเป็นไฟล์รูปภาพที่เป็นที่นิยมและสามารถเปิดได้ด้วยโปรแกรมทั่วไป เป็นต้น
  7. คลิกปุ่ม Save
  8. จะพบหน้าต่าง และถามว่า ต้องการบันทึกทุกสไลด์หรือไม่ ให้คลิกเลือก Every Slide
  9. รอสักครู่ โปรแกรมจะแปลงสไลด์แต่ละหน้าเป็น ไฟล์รูปภาพให้ จะได้รูปภาพ 1 ภาพ ต่อหนึ่งสไลด์

         ข้อจำกัดในการนำเสนอ เนื่องจากมีการแปลงแต่ละสไลด์เป็นรูปภาพ ในส่วนของ เอฟเฟ็คต์ต่างๆ ที่เราใส่ในสไลด์ จะไม่สามารถใช้งานได้ ผลลัพธ์ที่เป็นจะเป็นเพียงรูปภาพธรรมดา เท่านั้น อย่างไรก็ตาม PowerPoint ต้นฉบับเดิม ยังคงอยู่ปกติ ไม่ได้ถูกแปลงไปทั้งหมด

เค้าโครงหรือ LAYOUT ใน POWERPOINT 2007

ทำความรู้จัก เค้าโครง หรือ Layout

        เค้าโครง คือ รูปแบบหรือลักษณะของการจัดวางองค์ประกอบของ สิ่งต่างๆภายในสไลด์ (ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ รูปภาพ เสียง วีดีโอ) ว่า ต้องการให้แสดงส่วนไหนบ้าง และวางในตำแหน่งใด เรียกว่า Layout เป็นตัวช่วยในการจัดการรูปแบบของสไลด์

วิธีการเลือก Layout

Layout PowerPoint 2007

  1. เปิดโปรแกรม PowerPoint 2007
  2. บริเวณแท็ป Home คลิกปุ่ม Layout
  3. คลิกเลือกรูปแบบที่ต้องการ

วิธีการใส่เนื้อหาใน Layout

  1. เปิดโปรแกรม PowerPoint 2007
  2. คลิกที่ตำแหน่งของ Layout ที่ต้องการ เช่น
    • Click to add title คลิกที่ข้อความนี้ และพิมพ์ชื่อของงานพรีเซ็นเทชั่
    • Click to add sub title คลิกที่ข้อความนี้ และพิมพ์ชื่อหัวข้อย่อยของพรีเซ็นเทชั่น
  3. ถ้าต้องการเปลี่ยนรูปแบบของ Layout ให้ทำตามหัวข้อ วิธีเลือก Layout ข้างต้น

หมายเหตุ เค้าโครงหรือ Layout เราสามารถลบออกได้ เพียงแค่คลิกคลุมตัวเค้าโครง และกดปุ่ม Delete เราก็สามารถพิมพ์ในรูปแบบตามที่เราต้องการได้เช่นกัน

สร้าง ORGANIZATION CHART ใน MICROSOFT OFFICE 2007

ตามล่าหาคำสั่ง Organization Chart

        การสร้าง Organization Chart หรืออาจแปลเป็นไทยว่า แผนผังองค์กร เป็นอีกหนึ่งความสามารถที่มีมาใน Microsoft Office เวอร์ชั่นเก่าๆ แล้ว แต่วันนี้เราจะพาไปแนะนำว่าอยู่ในส่วนไหนของ Microsoft Office 2007 พร้อมแนะนำวิธีการใช้งานด้วยว่า มีอะไรเด็ดๆ กว่าเวอร์ชั่นเก่า

วิธีเรียกใช้คำสั่ง Organization Chart

Organization Chart Microsoft Office 2007

  1. เปิดเอกสารที่ต้องการ เช่น Microsoft Word, Microsoft Excel หรือ Microsoft PowerPoint เป็นต้น
  2. คลิกเมนู Insert
  3. คลิกไอคอน SmartArt
  4. เลือกหัวข้อ Hierarchy
  5. คลิกเลือกรูปแบบของผังองค์กรที่ต้องการ
  6. คลิกที่รูป จากนั้นพิมพ์ข้อความที่ต้องการได้ทันที
  7. ถ้าต้องการเพิ่มเติมผัง ให้คลิกที่ Add Shape ดังภาพประกอบด้านบน
    • Add Shape After – เพิ่มผังด้านหลัง
    • Add Shape Before – เพิ่มผังก่อนหน้านี้
    • Add Shape Below – เพิ่มผังด้านล่าง
    • Add Shape Assistant -เพิ่มผังผู้ช่วย (ด้านข้าง)

วิธีปรับแต่งสีสรรใน Organization Chart

Change Color in Organization Chart

  1. คลิกเลือก Organization Chart เพื่อให้แท็ป Design แสดงออกมา
  2. ที่แท็ป Design คลิก Change Colors
  3. คลิกเลือกรูปแบบตามต้องการ

วิธีปรับแต่งรูปแบบของ Organization Chart

SmartArt Styles in Microsoft Office 2007

  1. คลิกเลือก Organization Chart เพื่อให้แท็ป Design แสดงออกมา
  2. ที่แท็ป Design คลิกรูปสามเหลี่ยมหัวลง “More” อยู่ที่มุมขวาล่าง ของ SmartArt Styles
  3. คลิกเลือกรูปแบบที่ต้องการ (มีรูปแบบที่เป็น 3 มิติด้วย)

ปรับแต่ง WORDART ให้โดนใจ

สร้าง WordArt ตามสไตล์ของเรา

หัวข้อนี้จะกล่าวถึงการปรับแต่ง WordArt ในรูปแบบต่างๆ ที่จะทำให้สามารถนำไปใช้งานได้ตามความต้องการและถูกใจเราแน่นอน?  รับรองว่าไม่ต้องพี่งโปรแกรม Adobe Photoshop เลยทีเดียว(แต่เฉพาะการปรับแต่งตัวอักษรนี้ เท่านั้น แต่อย่างอื่นๆ ยังไงก็ยังคงจำเป็นอยู่)?

WordArt Styles Microsoft Office 2007

 

ปรับเปลี่ยสีของข้อความใน WordArt

ปกติแล้ว เวลาเราเลือกสร้างข้อความด้วย WordArt ?เราจะได้สีที่โปรแกรมกำหนดให้เป็นพื้นฐาน ตามรูปแบบที่กำหนด แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงสามารถแก้ไขสีสรรให้โดยใจเราได้อีกด้วย โดยใช้คำสั่ง Text Fill

  1. เปิดไฟล์เอกสาร พร้อมข้อความที่สร้างด้วย WordArt
  2. คลิกเลือกข้อความนั้นๆ
  3. ที่แท็ปเมนู Format ให้คลิกหัวข้อ Text Fill
  4. ทดสอบโดยการเปลี่ยนเป็นสีที่ต้องการ

เปลี่ยนจากการใส่สีมาเป็นสีภาพเป็น background

  1. เปิดไฟล์เอกสาร พร้อมข้อความที่สร้างด้วย WordArt
  2. คลิกเลือกข้อความนั้นๆ
  3. ที่แท็ปเมนู Format ให้คลิกหัวข้อ Text Fill
  4. เลือกหัวข้อด้านล่างชื่อ Picture แทนสี?

คำแนะนำ การใส่ภาพแทนสีเป็น background ควรสร้าง Font ที่มีความหนาของตัวอักษรมากๆ ทั้งนี้จะได้แสดงภาพให้เห็นได้มากขึ้นด้วย

เพิ่มขอบให้ตัวอักษร

  1. เปิดไฟล์เอกสาร พร้อมข้อความที่สร้างด้วย WordArt
  2. คลิกเลือกข้อความนั้นๆ
  3. ที่แท็ปเมนู Format ให้คลิกหัวข้อ Text Outline
  4. ทดสอบโดยการเปลี่ยนเป็นสีที่ต้องการ
  5. ถ้าต้องการเพิ่มความหนาของเส้น ให้คลิกเลือก Weight ด้านล่าง และเลือกความหนาตามต้องการ

ปรับแต่งความโค้งของการวางตัวอักษร

  1. เปิดไฟล์เอกสาร พร้อมข้อความที่สร้างด้วย WordArt
  2. คลิกเลือกข้อความนั้นๆ
  3. ที่แท็ปเมนู Format ให้คลิกหัวข้อ Text Effects
  4. คลิกเลือก Transform
  5. คลิกเลือกรูปแบบตามต้องการ

แสดงพรีเซ็นเทชั่นแบบออโต้ใน POWERPOINT 2007

การสั่งให้แสดงพรีเซ็นเทชั่นแบบอัตโนมัติ

         คุณเคยได้รับอีเมล และมีไฟล์พรีเซ็นเทชั่นของ PowerPoint ไหมครับ เวลาเราคลิกเลือกเปิดไฟล์ เราจะเห็นพรีเซ็นเทชั่นแสดงออกมาทันทีเลย นั่นแสดงว่า ทางผู้ทำ ได้ทำการแปลงไฟล์ PowerPoint เป็น PowerPoint Show แล้ว

 

คุณสมบัติของ PowerPoint Show

Save as PowerPoint Show

          โดยปกติแล้วใน PowerPoint Show เป็นไฟล์นามสกุล .PPS (PowerPoint 2003) แต่สำหรับเวอร์ชั่น PowerPoint 2007 จะมีนามสกุล .PPSX แทน? ไฟล์ PowerPoint Show จะเป็นไฟล์ที่เวลาเราดับเบิลคลิกที่ไฟล์ ตัวพรีเซ็นเทชั่นก็จะแสดงแบบอัตโนมัติทันที

 

วิธีการแปลงไฟล์ เป็น PowerPoint Show

  1. เปิดโปรแกรม PowerPoint 2007
  2. คลิกเปิดไฟล์งานพรีเซ็นเทชั่น ที่ทำสำเร็จแล้ว
  3. คลิกปุ่ม Office Button
  4. คลิกปุ่ม Save as
  5. เลือก PowerPoint Show
  6. เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการเก็บ
  7. ตั้งชื่อไฟล์ (สามารถใช้ชื่อเดิม หรือชื่อใหม่ได้ แต่แนะนำให้ตั้งชื่อใหม่จะดีกว่า จะได้ไม่สับสน)
  8. คลิกปุ่ม Save

         เพิ่มเติม เวลาที่เราต้องการแก้ไขไฟล์ ที่เป็น PowerPoint Show เราไม่สามารถดับเบิลคลิกที่ไฟล์เพื่อเปิดได้ เนื่องจากจะเป็นการสั่งให้แสดงพรีเซ็นเทชั่น วิธีการแก้ไขคือ ให้เปิดโปรแกรม PowerPoint ก่อน จากนั้นคลิกปุ่ม Open แทน

 

เปลี่ยนธีมหรือชุดสีใน POWERPOINT 2007

ทำความรู้จัก  THEME COLORS

        รูปแบบของสีแบบสำเร็จรูป ใช้สำหรับการกำหนดสีในตัวพรีเซ็นเทชั่น โดยจะมีการแบ่งสีออกเป็นกลุ่มๆ และแต่ละกลุ่มสีจะมีชื่อเรียกต่างกัน เช่น Office, Apex, Flow, Equity เป็นต้น ซึ่งถ้ามีการเลือกธีมแล้ว จะมีผลทำให้สีของส่วนประกอบต่างๆ ในพรีเซ็นเทชั่นของเราเปลี่ยนแปลงได้ด้วย เช่น ข้อความ Title, สีฉากหลัง, รูปวาด, กราฟ, ตาราง รวมทั้งไดอะแกรม เป็นต้น

 

วิธีการใช้งานชุดสี Theme Colors

Theme Color PowerPoint 2007

  1. เปิดพรีเซ็นเทชั่นที่ต้องการเปลี่ยนชุดสี
  2. คลิกแท็ปเมนู Design
  3. เลือกหัวข้อ Colors?

นอกจากนี้เรายังสามารถสร้างชุดสีได้ด้วยตัวเอง

  1. โดยการคลิกที่แท็ป Design
  2. เลือกหัวข้อ Colors
    • เลือก Create New Theme Colors ที่อยู่ด้านล่าง
  3. คลิกเลือกเปลี่ยนค่าสีที่ต้องการ
  4. ตั้งชื่อชุดสี
  5. คลิก Save เพื่อบันทึก

 

เพิ่มความน่าสนใจ PRESENTATION ด้วย TRANSITION

TRANSITION คืออะไร

       ลูกเล่นในการแสดงแต่ละ Slide โดยเพิ่มการเคลื่อนไหว เพื่อทำให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เวลาแสดงแต่ละ Slides เราสามารถสั่งให้แสดงลูกเล่นของแต่ละ Slides ได้เช่น เลื่อนจากซ้ายมาขวา หรือหมุนภาพก่อนแสดง Slide เป็นต้น

 

วิธีการใส่   TRANSITION ให้กับ slide

  • คลิกเลือกแท็ปเมนู Animations
  • คลิกเลือก Slide ที่ต้องการใส่ Animations
    ที่ไอคอนกลุ่ม “Transition to This Slide” ให้คลิกเลือก Animation ที่ต้องการ
  • ถ้าต้องการเพิ่มเสียงลงไปด้วย ให้คลิกหัวข้อ “Transition Sound” อยู่ข้างขวา
  • ถ้าต้องการให้ทุก Slide มี Animations เหมือนกันหมด ให้คลิกปุ่ม Apply To All ด้วย
  • ทดสอบรัน Presentation ให้คลิกปุ่ม F5

Transition Effect